วันอังคารที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2552

การปลูกเพอราเรียในสวนปาล์ม








ปลูกพืชคลุมดิน ปลูกในช่วงเตรียมพื้นที่เนื่องจากการปลูกปาล์มน้ำมันใช้ระยะปลูก 9 x 9 x 9 เมตร แบบสามเหลี่ยมด้านเท่า ซึ่งทำให้มีพื้นที่ว่างระหว่างแถวมากในช่วงตั้งแต่เริ่มปลูกจนกระทั่งปาล์มอายุ 3 ปี ดังนั้นจึงควรปลูกพืชตระกูลถั่วคลุมดินเพื่อช่วยป้องกันการชะล้างพังทลายของดิน รักษาความชุ่มชื้นของดิน เพิ่มความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินจากการตรึงไนโตรเจนจากอากาศของพืชตระกูลถั่ว อีกทั้งยังควบคุมวัชพืชในแปลงด้วย มีข้อควรพิจารณาคือ ควรเป็นพืชที่เหมาะกับสภาพแวดล้อมของเขตนั้น พืชคลุมดินตระกูลถั่วที่นิยมปลูกกันทั่วไปในสวนปาล์มน้ำมันและได้ผลดี คือ ถั่วเพอราเรีย (Puraria phaseoloides) ถั่วเซ็นโตซีมา (Centrosema pubescence) ถั่วคาโลโปโกเนียม (Calopogonium mucunoides) ข้อควรระวังในการปลูกพืชคลุมดินคือ ต้องไม่ให้เถาของพืชคลุมพันต้นปาล์มน้ำมัน และควรมีการป้องกันกำจัดหนูที่จะมากัดโคนต้นปาล์มน้ำมันอย่างสม่ำเสมอ

สาบแร้ง สาบกา วัชพืชในสวนยาง













การปราบวัชพืชใบแคบตระกูลหญ้า โดยการฉีดพ่นสารปราบวัชพืชจำพวกไกลโฟเสทนานๆ จนหญ้าคาและขจรจบหมดไป ก็จะพบสาบแร้งสาบกามาทดแทนหนาแน่นมากๆ การใช้สารปราบวัชพชพ่นก็จะมีเมล็ดรุ่นใหม่งิกมอีกไม่สิ้นสุดรุ้นแล้วรุ่นเล่า แนะนำให้ใช้ถั่วคลุมดินปลูกสองแถวระหว่างแถวยาง ๗ เมตร ห่างข้างละ ๒ เมตรจากแถวยาง เพียงปีทีสองก็จะหมดปัญหาวัชพืช

สาบแร้งสาบกาชื่อ อื่น ๆ : เทียนแม่ฮาง (เลย), หญ้าสาบแฮ้ง (เชียงใหม่), หญ้าสาบแร้ง (ราชบุรี), ตับเสือเล็ก (สิงห์บุรี), เซ้งอั้งโซว (จีน-แต้จิ๋ว)
ชื่อสามัญ : Goat Weed
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Ageratum conyzoides
Linn.วงศ์ : COMPOSITAE
ลักษณะ ทั่วไป : ต้น : เป็นพรรณไม้ล้มลุก ที่มีอายุเพียงปีเดียวตาย ลำต้นจะตั้งตรงแตกกิ่งก้านสาขามาก ทั้งต้นจะมีขนปกคลุมอยู่ และเมื่อเด็ดมาขยี้ดมจะมีกลิ่นเฉพาะตัวเลย ลำต้นสูงประมาณ 1-2 ฟุตใบ : ออกใบเดี่ยว เรียงตรงข้ามกันเป็นคู่ ๆ แต่ตรงส่วนยอดใบจะเรียงสลับกัน ลักษณะของใบเป็นรูปมนรี ปลายแหลม โคนใบเว้าคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบเป็นจักฟันเลื่อย พื้นใบมีสีเขียว และมีขนสั้น ๆ อ่อน ๆ ปกคลุมอยู่ ยาวประมาณ 2-5 นิ้ว ก้านใบมีขนปกคลุมตลอดทั้งก้านดอก : ออกดอกเป็นช่ออยู่ตรงส่วนยอดของต้น ช่อหนึ่ง ๆ จะมีดอกขนาดเล็กประมาณ 6 มม. อัดตัวอยู่กันแน่น ดอกมีสีม่วงน้ำเงินหรือขาว มีอยู่ 5 กลีบ ๆ เลี้ยงสีเขียวผล : แปลกมาก คือจะเป็นรูปเส้นตรงสีดำ ส่วนบนจะมีขนสั้นอยู่ 5 เส้นการขยายพันธุ์ : เป็นพรรณไม้กลางแจ้ง ที่เจริญเติบโตได้ในดินทุกชนิดซึ่งจัดเป็นวัชชพืชชนิดหนึ่ง ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ดส่วนที่ใช้ : ทั้งต้น ใบ และรากสรรพคุณ : ทั้งต้น แก้ไข้ ขับระดู แก้บิด แก้ลม และแก้ช่องทวารหนักหย่อนยานใบ พอกแก้คัน แก้แผลเรื้อรังที่เยื่อเมือก ห้ามเลือด ทาภายนอกแก้ปวดบวม แก้ท้องขึ้นอืดเฟ้อ น้ำต้มกินแก้ไข้ น้ำคั้นใช้หยอดตาแก้ตาเจ็บ เป็นยาทำให้อาเจียนราก ใช้ยับยั้งการเจริญเติบโตของก้อนนิ่ว แก้ไข้ถิ่นที่อยู่ : เป็นพรรณไม้พื้นเมืองของอเมริกาเขตร้อน ปัจจุบันขึ้นอยู่ทั่วไปตามที่รกร้างว่างเปล่าตำรับ ยา : 1. แผลเรื้อรังที่เนื้อเยื่อเมือกบวมอักเสบ นำใบสดและยอดมาล้างให้สะอาด ผสมกับเกลือและข้าวหมัก ตำให้เข้ากันแล้วพอกบริเวณที่เป็น2. ไข้หวัด ใช้ใบสด 60 กรัมต้มน้ำกิน3. แผลเรื้อรังมีหนอง ฝี ให้ใช้ใบสดผสมกับน้ำตาลทรายแดงเล็กน้อย แล้วตำพอก4. ปวดกระดูก ปวดข้อ ใช้ใบสดตำพอก5. คออักเสบ ใช้ใบสด 30-60 กรัมนำมาล้างให้สะอาดเสียก่อนแล้วคั้นเอาแต่น้ำผสมกับน้ำตาลกรวด รับประทานวันละ 3 ครั้ง6. ตาปลาอักเสบ ปากเป็นแผล ใช้ใบสด 120 กรัมกับกากเมล็ดชา 15 กรัม ผสมกันแล้วตำพอก7. หูชั้นกลางอักเสบ ใช้ยอดสดคั้นเอาแต่น้ำแล้วหยอด8. แผลฟกช้ำ มีเลือดออก ใช้ยอดและใบตำพอกข้อมูลทางเภสัชวิทยา : สารที่สกัดจากต้นนั้นจะมีฤทธิ์ในการยับยั้ง การเจริญเติบโตของเชื้อ Staphylococcus Aureusสาร เคมีที่พบ : ทั้งต้นมีสารพวก น้ำมันระเหย โปแตสเซียมคลอไรด์ มีกรดอินทรีย์ กรดอมิโน อัลคาลอยด์ ฟลาโวนอยด์ coumarin, B-sitosterol, friedelin และ stigmasterol


หาข้อมูลเพิ่มเติมเรื่องวัชพืชที่ : htpp://www.ocsb.go.th./Udon/Toweb/2-2006_07_27 htm

__________________