วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ความประทับใจและสิ่งที่ได้รับจากการทัศนศึกษาดูงาน

เขตเศรษฐกิจพิเศษ จีน มาเก๊า จูไห่ เซินเจิ้น และฮ่องกง
ระหว่างวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 – 2 ธันวาคม 2554
..................................................

สิ่งที่ได้รับและประทับใจจากการทัศนศึกษาดูงานของนักศึกษาหลักสูตร MBA 11 ชีวิต
และ MPA อีก 25 ชีวิต ของลูกศิษย์บ้านสมเด็จเจ้าพระยาในครั้งนี้คงจะตอบโจทก์ เรื่อง ของธุรกิจ
และระบบทุนนิยมได้ดีที่สุด มาเก๊า เป็นเมืองการพนันแหล่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก เมืองทั้งเมืองสว่างไสว ตึกแทบทุกตึกเป็นแหล่งคาสิโน คาสิโนในมาเก๊ามีมากถึง 32 แห่ง ที่แนะนำ ฮิตๆเลยก็จะเป็น SAND CASINO , Casino Wynn , ลิซบัว, คาสิโนที่ The Venetian (อันนี้ขอบอกว่าอลังการมากๆ) ให้พก passport ไปด้วย ข้างในที่ให้เล่นก็จะมีพวก black jack , bacarrat , hi-low , rullett , slot machine และอีกมากมาย บ่อนที่มาจากลาสเวกัสดูจะไม่ได้เกรงบารมีของคาสิโนเจ้าถิ่นเลยแม้แต่น้อย แหล่งที่ตั้งก็อยู่ไม่ห่างจากคาสิโนลิสบัว และ แกรนด์ลิสบัวสักเท่าไร เจ้าพ่อใหญ่คาสิโนที่ทรงอิทธิพลที่สุดชื่อ มิสเตอร์โฮ มีภรรยา 6 คน ภรรยายคนที่ 4 (ซ้อ 4 ) ทั้งสวยและบริหารงานเก่ง ปัจจุบัน ซ้อ 4 เป็นนักการเมืองด้วย เมื่อมีนักลงทุนคาสิโนจากลาสเวกัส USA มาสร้างตึกคาสิโนในมาเก๊า ชื่อ SAND CASINO ปรากฎว่ากิจการรุ่งเรือง สามารถถอนทุนคืนภายใน 6 เดือน มือดีจึงเอาเรื่องฮวงจุ้ยเข้าเล่นงาน โดยเอาโครงการของรัฐบาลมาตั้งสวนสาธารณะด้านหน้า SAND CASINO แล้วสร้างภูเขาไฟจำลองพ่นไฟไปทาง SAND CASINO ปรากฎ SAND CASINO เจริญลงๆๆ แทบจะขายทิ้ง แต่เผอิญมีหมอฮวงจุ้ยมาแนะนำฝรั่งเจ้าของ SAND CASINO ให้สร้างน้ำตกจำลองด้านหน้าประชันกับภูเขาไฟ เพื่อดับพลังภูเขาไฟ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่า SAND CASINO กลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ตึกแถวร้านค้าริมถนนใกล้ๆ กับตึกคาสิโนทั้งหลายจะเป็นร้านจิวเวอรี่ขายเครื่องเพชร เครื่องทองและนาฬิการาคาแพงมากมาย ที่เหล่านักพนันเล่นพนันจนหมดตัวแล้วเอามาขายหรือจำนำเอาไว้จนหลุด ปัจจุบันมิสเตอร์โฮต้องสะเทือนอีกแล้ว เมื่อมีการถมเกาะเพิ่มขึ้นและนักลงทุนรายใหญ่จากสหรัฐอเมริกาได้รับสัมปทานเข้ามาลงทุนสร้างคาสิโนใหญ่มหึมา (อีกแล้ว) ชื่อ THE VENETIAN อัครสถานแห่งความบันเทิงและคาสิโน แหล่งใหม่ล่าสุดของมาเก๊า ในบรรยายกาศจำลองแบบเมืองเวนิส ศูนย์รวมคาสิโน พร้อมร้านสินค้าแบรนด์เนมชื่อดังจากทั่วโลกเกือบ 400 ร้านค้า อยู่ภายในตึก มิสเตอร์โฮพยายามเข้าไปมีเอี่ยวด้วย แต่ได้รับจัดสรรเพียงชั้น 3 ของตึก จากเรื่องนี้ทำให้เราได้พบเห็นเวทีแข่งขันแห่งธุรกิจจริง ๆ และเข้มข้นสุด ๆ ที่เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนแห่งมาเก๊า แสตนลี่ โฮ เจ้าของบ่อนถึง 28 แห่ง ในมาเก๊า จากทั้งหมด 32 แห่ง ต่อกรกับนัดธุรกิจจากดินแดนตะวันตกอย่างบ่อนคาสิโน Sand ที่นอกจากจะใช้ศาสตร์ทางการดำเนินธุรกิจแล้วยังต้องพึ่งพาศาสตร์แห่งฮวงจุ้ย
ประเด็นเรื่องบ่อนคาสิโนนี้เคยมีนักการเมืองผุดไอเดียว่าจะให้มีในประเทศไทยอยู่เนือง ๆ แต่ก็ถูกคนกลุ่มใหญ่ลุกขึ้นมาคัดค้านว่าเป็นการมอมเมาประชาชนไม่เหมาะกับประเทศไทยซึ่งเป็นเมืองพุทธ แล้วก็เงียบไป จริง ๆ แล้วเมื่อไทยมีกลุ่มที่ชอบเล่นการพนันอยู่มากมายได้ออกไปใช้บริการกันอยู่ในเขตชายแดนลาวและเขมรแทน ทำให้เงินไหลออกอยู่เช่นกัน สิ่งที่ได้รับแนวคิดจากการทัศนศึกษาครั้งนี้พอจะแยกเป็นประเด็นได้ ดังนี้
ประเด็นที่ 1 ด้านกลยุทธ์การทำธุรกิจ ได้มองเห็นการแข่งขันของระบบทุนนิยมแบบสมบูรณ์ มีการแข่งขันกันเต็มรูปแบบ มีการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรอย่างเต็มที่ เช่นการใช้ประโยชน์บนที่ดินอันมีอยู่อย่างจำกัด ต้องสร้างที่พักให้สูงขึ้นไปเหนือพื้นดินมาก ๆ แทบไม่น่าเชื่อว่าห้องพักแบบคอนโดเล็ก ๆ ในฮ่องกงราคา 2 ล้านกว่าบาทขึ้นไป ถ้าคนจนรายได้ต่ำกว่า 6,000 หยวนต่อเดือน ก็ได้สิทธิ์จองที่พักของรัฐบาลที่สภาพด้อยลงมา คือเป็นตึกซิเมนต์ล้วน ไม่มีกระจกสีฟ้าติดเหมือนของเอกชน คนก็กลายเป็นเครื่องจักรให้กับอุตสาหกรรมต่าง ๆ โดยแท้เพราะทำงานเสร็จแล้วต้องเดินอยู่บนฟุตบาท ย่านร้านค้าต่าง ๆ จนดึก จึงเข้าไปพักผ่อนในห้องแคบ ๆการใช้ชีวิตช่างอึดอัดน่าดู
ประเด็นที่ 2 กลยุทธ์การขาย อันนี้ถือว่าคนจีนมีการวางสินค้าราคาสูงไว้ก่อน และเปิดโอกาสให้มีการต่อรอง เช่น ตลาดกงเป่ยเมืองจูไห่ สินค้าก๊อปปี้มีทุกรูปแบบ ส่วนสินค้าคุณภาพของประเทศจีน เช่น ผ้าไหมและสมุนไพร จะนำเสนออีกรูปแบบหนึ่งคือ ตั้งราคาไว้สูงมากแล้วจัดให้มีการบริการเสริม เช่น แช่น้ำอุ่นนวดฝ่าเท้า ให้หมอจีนตรวจสุขภาพตามตำราโบราณ โดยการดูและจับจุดตามร่างกาย จึงบอกว่ากำลังเป็นโรคร้ายแรง เช่น ตับ ไต เป็นต้น จึงเสนอขายสินค้าตามมา สำหรับบริษัทผลิตผ้าไหม ก็เช่นกันนำเสนอที่นอนผ้าไหมปลอดไรฝุ่นดีต่อสุขภาพ แล้วตั้งราคาสูงมาก เหมือนกับสินค้าระดับ Firtclass ซึ่งน่าจะนำมาเป็นแบบอย่างในการพัฒนาสินค้าโอท็อปของบ้านเราได้
ประเด็นที่ 3 เรื่องการพัฒนาระบบสาธารณูปโภคและขนส่งมวลชน เมื่อประเทศอังกฤษเข้ามาดูและบริหารเกาะฮ่องกงเข้าพัฒนาจากเกาะแก่งที่มาพักเสียเพื่อแวะพักเพื่อหลบพายุ จากการเดินเรือทางทะเลเท่านั้น จากเกาะหมู่กลางทะเลที่ไม่มีอะไรเลยมีแต่ภูเขาหิน ทั้งนั้น แม้แต่ต้นไม้ยังไม่เจริญเติบโต จนเป็นแหล่งธุรกิจ ที่มีมูลค่าที่ดินแพงมากมหาศาล เพราะที่ดินมีอยู่อย่างจำกัดจนต้องถมทะเลเพิ่มเพื่อสร้างสถานที่ต่าง ๆ แม้แต่สนามบินนานาชาติ Check Lap Kok ที่ดินบางแห่งเป็นที่อยู่อาศัยเพราะอยู่บนเนินเขาที่วิวสวยมองเห้นเมืองฮ่องกงทั้งเมืองก็มีราคาแพงมากเช่น Victory peak ให้เศรษฐีเปลี่ยนมือกันเป็นว่าเล่น จนรัฐบาลต้องออกมาควบคุมและที่น่าประทับใจมากอีกแห่งคือหาดน้ำตื้น (Pulse bay) มีความสวยงามมาก ทำให้หลายคนได้ขอพรเป็นศิริมงคลให้แก่ชีวิตกันอย่างชื่นมื่นที่เดียว ต้องยอมรับว่าการสร้างระบบขนส่งมวลชนได้สมบูรณ์แบบได้ยอดเยี่ยมจริงๆ มีรถไฟฟ้าวิ่งเชื่อมโยงกันทุกจุดทุกเกาะตั้งแต่สนามบินนานาชาติ Check Lap Kok เข้ามาครบ และราคาไม่แพงมาก รวมทั้งยังจัดให้มีรถเมล์วิ่งตามถนนทุกสายแทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเลย เพราะถ้าใช้รถยนต์ส่วนตัวมีค่าใช้ที่จอดรถยนต์แพงเหลือเกินคงต้องมีรายได้สูงมากถึงจะใช้รถยนต์ส่วนตัวได้ จึงมองดูแล้วว่าจะมีรถยนต์ยี่ห้อหรูๆ ของนักธุรกิจเท่านั้นที่จอดอยู่ตามลานจอดรถของโรงแรม ส่วนถนนหนทางระหว่างเกาะล้วนทันสมัยมีทั้งเจาะอุโมงค์ลอดใต้ทะเล หรือสะพานแขวนเช่นสะพานชิงหม่า เป็นต้น
ประเด็นที่ 4 ความรู้สึกที่ประทับใจ คือการเดินทางในครั้งนี้ประกอบด้วยนักศึกษา MBA 11 คน MPA 25 คน สถานีบริการศูนย์สารสนเทศทางวิชาการชัยภูมิ พร้อมคณาจารย์เป็นครอบครัวบ้านสมเด็จเจ้าพระยา การที่ได้เดินทางร่วมสุข ร่วมทุกข์ด้วยกัน 5 วัน 4 คืน ก่อให้เกิดความเข้าอกเข้าใจเอื้อเฟื้อต่อกัน ได้มีโอกาสลิ้มรสอาหารที่ไม่คุ้นลิ้นเช่น อาหารโปรตุเกส เป็นต้น คณาจารย์ที่ทุ่มเทประสิทธิ ประศาสตร์วิชาให้ด้วยวิญญาณความเป็นครู เช่น อาจารย์ ดร.วิเชียร อินทรสมพันธ์ และคณาจารย์ท่านอื่นที่ล้วนทรงภูมิรู้ อาจารย์ ดร.ณุศณี มีแก้วกุญชร และ รศ.ทองเอม สุ่นสวัสดิ์ มีความเป็นกันเองมาก รวมทั้งไกด์จากบริษัท เฟิร์ส เวิร์ลทัวร์ ที่ดูแลพวกเราอย่างอบอุ่น มีแจ่ว และน้ำจิ้มพาไปให้พวกเรากินได้ทุกมื้อ
ประการสุดท้าย ทำให้เรารู้สึกคิดถึงและรักประเทศไทยมากยิ่งขึ้น เพราะมีความปลอดโปร่งโล่งสบาย อิสระ ไม่ต้องแก่งแย่งทรัพยากรกันอย่างหนักหนาสาหัส เหมือนประเทศเขา ขนาดที่จอดรถค่าบริการ 150 เหรียญฮ่องกงต่อวัน อย่างนี้เป็นเหตุ แม้บ้านเราจะมีนักการเมืองที่น่าเบื่อสักหน่อยก็น่าอยู่จริง ๆ


นายโกศล บุญคง
นักศึกษาบริหารธุรกิจมหาบัณฑิต