วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

พืชคลุมดิน โดย นายวิจิตร วังใน และนายปวิณ ปุณศรี


พืชคลุมดิน

โดย นายวิจิตร วังใน และนายปวิณ ปุณศรี


การปลูกพืชคลุมดินเป็นการปลูกพืชที่มีลำต้นอ่อนเพียงชนิดเดียว หรือหลายชนิดรวมกัน เพื่อให้คลุมดินตลอดปี หรือชั่วระยะเวลาใดเวลาหนึ่งเราอาจทิ้งพืชเหล่านี้ไว้เพื่อยึดผิวดิน กันดินพังทลายเวลามีฝนตกหนัก น้ำบ่าหรือมีลมแรงพัดเข้าสู่ผิวดินบริเวณนั้น หรืออาจไถกลบลงไปในดินเพื่อใช้เป็นปุ๋ยพืชสด พืชที่จะนำมาปลูกเป็นพืชคลุมนั้น ควรเป็นพืชที่ขึ้นง่ายทั้งในดินดีและดินเลว มีการเจริญเติบโตเร็ว มีกิ่งก้านสาขามาก และส่วนยอดอ่อนนุ่มมีน้ำมาก พืชคลุมดินที่นิยมกันในสวนผลไม้ ได้แก่ ถั่วลาย คาโลโปโกเนียม คุดซู เวลเวทขาว เป็นต้นการทำสวนผลไม้โดยทั่วไปแล้วเจ้าของสวนไม่สามารถไถพรวนได้บ่อยๆ เหมือนการปลูกพืชไร่การปลูกพืชคลุมดินจึงเป็นของจำเป็นมากในการทำสวนผลไม้ แม้ว่าจะมีดินดีอยู่แล้วก็ตาม พืชคลุม ดินจะช่วยให้ต้นไม้ได้รับประโยชน์หลายประการ คือ

๑. เพิ่มธาตุอาหารให้แก่ดิน เมื่อเศษกิ่งใบของพืชคลุมร่วงหล่นทับถมบนผิวดิน ในที่สุดจะผุพังรวมตัวกับดินซึ่งจะเป็นแหล่งอาหารของต้นไม้ต่อไป นอกจากนี้จะช่วยเร่งปฏิกิริยาเคมี ทำให้ธาตุอาหารเป็นประโยชน์ต่อพืชและเพิ่มจำนวนไส้เดือน และจุลินทรีย์ในดิน

๒. ป้องกันการชะล้างของหน้าดิน พืชคลุมจะส่งรากลงไปในดินและยึดเม็ดดินไว้ ทำให้ผิวดินไม่ถูกเซาะได้ง่ายเมื่อมีน้ำไหลแรง หรือฝนตกหนักการทำสวนบนเนินลาดจึงจำเป็นต้องปลูกพืชคลุมโดยปลูกพืชคลุมไว้ตามขั้นบันไดที่ทำไว้จะช่วยยับยั้งความแรงของกระแสน้ำที่ไหลลงได้ จึงเป็นการป้องกันการพังทลายของดิน นอกจากนี้ใบหรือเถาพืชคลุมที่เจริญอย่างหนาแน่น จะช่วยป้องกันไม่ให้เม็ดฝนที่มีขนาดโตๆ กระทบผิวดินโดยตรงอันจะเป็นการลดการชะล้างหน้าดินอีกทางหนึ่งด้วย

๓. ทำให้โครงสร้างและสภาพของดินดีขึ้น ดินที่มีพืชคลุมขึ้นอยู่จะไม่เกาะกันแน่นเหมือนดินที่ไม่มีพืชขึ้นเลย ถ้าเราเลือกพืชคลุมที่มีรากชอนไชไปในดิน และเป็นพืชที่ให้อินทรียวัตถุมาก จะทำให้ดินบริเวณนั้นร่วนซุย อากาศถ่ายเทได้สะดวกและอุ้มน้ำได้ดี ก็จะทำให้ดินมีโครงสร้างเหมาะแก่การเจริญเติบโตของไม้ผล อินทรียวัตถุจากพืชคลุมจะช่วยทำให้เม็ดดินเหนียวติดกันเป็นก้อนๆ มีขนาดโตกว่าปกติ ทำให้ดินร่วนขึ้น ทั้งนี้เพราะสารที่มีลักษณะคล้ายวุ้นในอินทรียวัตถุจะมาเคลือบเม็ดดินเหนียวซึ่งมีขนาดเล็กมาก ให้เป็นก้อนโตขึ้น นอกจากนี้สารนี้ยังช่วยทำให้เม็ดทรายในดินทรายให้ติดกันแน่นทำให้เหนียวขึ้นกว่าเดิม เมื่อรวมกับซากพืชเข้าแล้ว ดินทรายก็จะอุ้มน้ำได้ดีขึ้น

๔. ช่วยเก็บความชื้นให้กับดิน การปล่อยให้พืชคลุมคลุมตามผิวดิน โดยเฉพาะพืชคลุมที่ปลูกในดินที่พรวนแล้วอย่างดี หลังจากฝนตกใหญ่ครั้งสุดท้ายจะช่วยให้ดินเก็บน้ำได้ดีขึ้น และช่วยลดการระเหยของน้ำ เพราะพืชคลุมจะช่วยบังแสงแดดไม่ให้โดนผิวดินโดยตรง นอกจากนี้อินทรียวัตถุที่หล่นปกคลุมผิวดิน จะเป็นวัตถุคลุมดินที่ช่วยป้องกันการระเหยของน้ำเป็นอย่างดี พืชคลุมจะช่วยดูดเอาน้ำที่จะไหลผ่านลงไปสู่ดินชั้นล่างไว้แทนที่จะปล่อยให้สูญไปโดยเปล่าประโยชน์ จึงทำให้ผิวดินชื้นอยู่เสมอ

๕. ช่วยกำจัดวัชพืช พืชคลุมดินส่วนมากจะมีใบเป็นจำนวนมาก และหล่นทับถมบนผิวดินจนแสงสว่างส่องไม่ถึงผิวดิน เมื่อเป็นเช่นนี้วัชพืชก็ไม่มีโอกาสงอกได้ แม้แต่วัชพืชที่ตั้งตัวได้แล้วเช่น หญ้าคา ถ้าเราปลูกพืชคลุม เช่น ถั่วลายขึ้นคลุมจะทำให้หญ้าคาตายได้ เพราะถูกบังแสงแดดจนมีไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ การปลูกพืชคลุมก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือ อาจเป็นที่อยู่อาศัยของโรคและแมลง เถาของมันอาจเลื้อยขึ้นพันต้นไม้ผลของเราได้ ต้องเสียเวลาคอยตัด หรือกันไม่ให้เข้าไปติดกับต้นไม้ผล เศษเถาและใบที่กองทับถมกันอยู่ในสวน อาจเป็นเชื้อไฟจะทำให้เกิดไฟไหม้สวนได้ ดังนั้นการทำสวนผลไม้ใกล้ป่าหรือใกล้เขตรกร้างอื่นๆ จึงควรทำแนวกันไฟไว้รอบๆ บริเวณสวน นอกจากนี้พืชคลุมที่เจริญมากๆ อาจแย่งน้ำและอาหารจากต้นไม้ที่เราปลูกไว้ได้

ไม่มีความคิดเห็น: